ความเสี่ยงเด็กติดบุหรี่ 2-3 เท่า จากการมีผู้สูบบุหรี่ในบ้าน
และเกือบครึ่งของหญิงตั้งครรภ์ได้รับควันบุหรี่มือสอง อันตรายเป็นภัยต่อครอบครัว
league88Joz มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ร่วมกับ สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ มูลนิธิเพื่อนหญิง
สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โรงพยาบาลรามาธิบดี มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว
และภาคีเครือข่าย ได้จัดให้มีการแถลงข่าวเรื่อง"วิจัย : สูบบุหรี่ในบ้าน
มหันตภัยสารพิษสู่ลูกน้อย"เพื่อนำเสนอข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน
ในการที่ต้องดูแลสุขภาพของคนในครอบครัว
และร่วมกันสร้างค่านิยมให้คนไทยไม่สูบบุหรี่ในบ้าน ซึ่งนอกจาก
จะลดอันตรายของควันบุหรี่มือสองในบ้าน ยังทำให้เด็กในบ้านมีความเสี่ยงที่จะติดบุหรี่น้อยลง
ผู้สูบบุหรี่จะสูบบุหรี่น้อยลงและเลิกสูบบุหรี่ได้ง่ายขึ้น ศ.นพ.ประกิต
วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
กล่าวว่าควันบุหรี่เมื่อถูกหายใจเข้าสู่ปอด
สารพิษในควันบุหรี่จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งจะไหลเวียนไปยังทุกอวัยวะของร่างกายในเวลาอันรวดเร็ว
สารพิษซึ่งรวมสารก่อมะเร็งยังผ่านรกไปถึงทารกในครรภ์ได้
สารพิษเหล่านี้บางส่วนจะถูกทำลายโดยตับ ที่เหลือจะถูกขจัดออกทางปัสสาวะ
การที่สารพิษและสารก่อมะเร็ง ถูกพาไปสัมผัสกับทุกอวัยวะ
เป็นเหตุให้หลอดเลือดเสื่อม เกิดโรคกับอวัยวะทั่วร่างกาย รวมถึงมะเร็ง 12 ชนิด รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี
ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชำติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดลกล่าวว่า
ผลการสำรวจในวัยรุ่นไทย 1,000 คน พบว่า
วัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในบ้านที่ห้ามสูบบุหรี่ทุกพื้นที่ สูบบุหรี่ 15.7%ที่อาศัยในบ้านที่ห้ามสูบบุหรี่เพียงบางพื้นที่สูบบุหรี่ 31.4%และที่อาศัยในบ้านที่สูบบุหรี่ได้ทุกพื้นที่ มีอัตราการสูบบุหรี่เท่ากับ 51.8%ขณะที่รายงานจากองค์การอนามัยโลก พบว่า
วัยรุ่นที่ได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้าน มีโอกาสติดบุหรี่เพิ่มขึ้น 1.4 ถึง 2.1 เท่า เมื่อเทียบกับวัยรุ่นที่ไม่ได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้าน
พญ.ปองทอง ปูรานิธี ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
โรงพยาบาลรามาธิบดีเปิดเผยถึงการตรวจปัสสาวะเด็กแรกเกิดถึงอายุ 6 ขวบ ที่มีคนในครอบครัวสูบบุหรี่จำนวน 75 ครอบครัว
พบว่า 57 รายหรือร้อยละ 76 ตรวจพบสารพิษจากควันบุหรี่
(โคตินิน) ในระดับซึ่งบ่งบอกถึงปริมาณที่มาจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็ก
โดยพบว่าเด็กที่อาศัยในคอนโดมิเนียมอะพาร์ตเมนต์และแฟลต
มีสารพิษในปัสสาวะสูงกว่าเด็กในบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์ถึงสองเท่าตัว พญ.นัยนา
ณีศะนันท์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีกล่าวว่า การสำรวจผู้ปกครองที่พาเด็กมาตรวจรักษาที่สถาบันสุขภาพเด็กฯ
ระหว่างเดือน พ.ค.-ก.ย.2559 จำนวน 1,022 ครอบครัว โดยร้อยละ 96 ของเด็กได้รับการเลี้ยงดูที่บ้าน
พบว่าร้อยละ 45.6 หรือ 456 ครอบครัวมีสมาชิกที่สูบบุหรี่
ในจำนวนนี้ 101 ครอบครัวหรือ 21.5%สูบในบ้าน
โดยส่วนใหญ่เป็นพ่อแม่หรือปู่ย่าตายาย
พบว่าเด็กที่อาศัยในบ้านที่มีคนสูบบุหรี่เป็นหวัดเจ็บคอบ่อย268 คน เทียบกับ 205 คนในบ้านที่ไม่มีคนสูบบุหรี่
และมีอาการหอบเหนื่อยต้องพ่นยา 96 คน ในบ้านที่มีคนสูบบุหรี่
เทียบกับ 53 คนในบ้านที่ไม่มีคนสูบบุหรี่
เด็กที่อาศัยในบ้านที่มีผู้สูบบุหรี่ เกิดการเจ็บป่วยมากกว่าเด็กในบ้านที่ไม่มีการสูบบุหรี่
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ด้าน ดร. จักรพันธ์ เพ็ชรภูมิ ภาควิชาอนามัยชุมชน
คณะสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลกกล่าวว่า
การสำรวจหญิงตั้งครรภ์ในอำเภอโกรกพระ จ.นครสวรรค์ จำนวน 115 คน
พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 97.4 ไม่เคยสูบบุหรี่ และมี 3
คนที่ยังสูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์ แต่ร้อยละ 90.4 เคยได้รับควันบุหรี่มือสองในรอบ 30 วันที่ผ่านมา
โดยเฉพาะช่วงเวลาหลัง 16.30 น.เป็นต้นไป
โดยสถานที่ที่ได้รับควันบุหรี่ 54.3%จากตลาด 48.7%ในบ้านของตนเอง และ 9.6%ในที่ทำงาน
ทั้งนี้หญิงตั้งครรภ์ 65.2%จะถอยห่างจากคนที่กำลังสูบบุหรี่ 59.1%จะหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มักมีควันบุหรี่ และ 55.7% จะหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ต้องผ่านบริเวณที่มีการสูบบุหรี่เป็นประจำ
นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส
ผู้แทนสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่กล่าวว่าเนื่องในวโรกาสวันแม่แห่งชาติ
12 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ขอเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ใจดีทุกฝ่าย
ไม่สูบบุหรี่ในบ้าน ไม่สูบบุหรี่ใกล้เด็กหรือหญิงตั้งครรภ์
เพื่อปกป้องลูกหลานของพวกเราทุกคนให้ปลอดภัยจากควันพิษของบุหรี่ทุกรูปแบบ
และที่สำคัญอย่างยิ่งเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ
ในรัชกาลที่ 9 ด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก nationtv.tv
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น