ไมเกรน หายได้ไม่ต้องพึ่งยา
League88Joz ไมเกรน (Migraine) คืออาการปวดศีรษะชนิดหนึ่งที่ตรวจไม่พบพยาธิสภาพหรือสาเหตุในโพรงกะโหลกศีรษะ
(primary headache) เกิดจากมีการหลั่งสารสื่อประสาทที่จะนำไปสู่ขบวนการอักเสบ
(proinflammatory peptides) ที่ปมประสาทของเส้นประสาทสมองคู่ที่
5 (trigeminal ganglion) ทำให้เกิดการอักเสบปราศจากเชื้อโรคที่เยื่อหุ้มสมอง
(sterile meningeal inflammation) ไมเกรนมักมีอาการเป็น ๆ
หาย ๆ โดยมีตัวกระตุ้น เช่น แสง เสียง กลิ่น ควัน อากาศร้อนและอบอ้าว เป็นต้น
แม้ว่าจะรักษาไม่หายขาด แต่ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองเพื่อบรรเทาอาการปวด
และป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดศีรษะได้
อาการ
อาการของไมเกรน สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1 อาการบอกเหตุล่วงหน้า
ระยะที่ 2 อาการนำ
ระยะที่ 3 อาการปวดศีรษะ
และระยะที่ 4 กลับเข้าสู่สภาวะปกติ
โดยอาการปวดศีรษะในระยะที่ 3 มักส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย
สำหรับหลักเกณฑ์การวินิจฉัยอาการปวดศีรษะไมเกรน
ทางสมาคมปวดศีรษะนานาชาติได้ตั้งหลักเกณฑ์การวินิจฉัยไว้ว่าจะต้องมีอาการปวดศีรษะอย่างน้อย
5 ครั้งครบตามหลักเกณฑ์ ทั้ง 3 ข้อ
และไม่เข้ากับหลักเกณฑ์การวินิจฉัยว่าเป็นอาการปวดศีรษะชนิดอื่น ดังต่อไปนี้
ระยะเวลาในการปวดศีรษะ 4-72 ชั่วโมง
มีอาการอย่างน้อย 2 ใน 4 ข้อ ได้แก่
อาการปวดศีรษะข้างเดียว ปวดศีรษะแบบตุบๆ ปวดศีรษะรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก
หรืออาการปวดศีรษะเลวลงเมื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่นการเดิน การขึ้นบันได
มีอาการอย่างน้อย 1 ใน 2 ข้อ ได้แก่
อาการคลื่นไส้และ/หรืออาเจียน หรืออาการกลัวแสงและกลัวเสียง
สำหรับความชุกของอาการปวดศีรษะไมเกรน
จากการศึกษาในต่างประเทศพบว่า เพศหญิงมีความชุกมากกว่าเพศชายเป็นสัดส่วน 2 ต่อ 1 ถึง 3 ต่อ 1 และความชุกจะเพิ่มขึ้นตามอายุ
โดยมีความชุกสูงสุด ที่อายุประมาณ 40 ปี
อาการปวดศีรษะไมเกรนสามารถจำแนกออกได้เป็น 2 ประเภทได้แก่
อาการปวดศีรษะเป็นครั้งคราว (episodic migraine) โดยมีความถี่อาการปวดศีรษะน้อยกว่า
15 วันต่อเดือน และอาการปวดศีรษะเรื้อรัง (chronic
migraine) โดยมีความถี่อาการปวดศีรษะอย่างน้อย 15 วันต่อเดือนเป็นระยะเวลามากกว่า 3 เดือน
การป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน
ผู้ป่วยไมเกรนแต่ละรายควรสังเกตปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ
ซึ่งมักจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ปัจจัยกระตุ้นเป็นได้ทั้งจากสภาวะแวดล้อม
หรืออาหารบางประเภท ถ้าสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นได้
ก็จะช่วยป้องกันอาการปวดศีรษะได้
ในกรณีที่ไม่ทราบปัจจัยกระตุ้นหรือไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นได้
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ บริหารจัดการความเครียด
ก็จะช่วยป้องกันการเกิดอาการปวดศีรษะได้ ปัจจัยกระตุ้นที่พบบ่อยได้แก่
ภาวะอดนอน นอนดึก
หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
อาการเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือเล่นกีฬา
ความเครียด
การอยู่ในที่ที่มีแสงจ้า ๆ
สถานที่ที่มีเสียงดังอึกทึก
อาหารบางประเภท เช่น เนย ช็อคโกแลต ถั่ว
อาหารหมักดอง
เครื่องดื่ม ได้แก่ ไวน์แดง เบียร์
หรือ แชมเปญ
ภาวะอดอาหาร
การรักษา
ไมเกรน
มีการรักษาขณะที่มีอาการปวดศีรษะอยู่ 2 วิธี ได้แก่
วิธีที่ไม่ต้องใช้ยา เช่น นอนพัก
บีบนวด ประคบเย็น หรือฝังเข็ม แต่ยังไม่เป็นการรักษามาตรฐาน
วิธีที่ใช้ยา
หากยังมีอาการปวดศีรษะถี่
หรืออาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์
สามารถติดต่อเพื่อขอรับการตรวจและการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่
แผนกผู้ป่วยนอกหรือ แผนกฉุกเฉิน
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
โทร 0-2256-4000
ขอขอบคุณข้อมูลจาก chulalongkornhospital.go.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น