บาดทะยัก สาเหตุ อาการ การรักษา การป้องกัน
League88Joz โรคบาดทะยัก (Tetanus) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียร้ายแรง
ซึ่งเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผลและจะมีผลกระทบต่อระบบประสาท
มีอาการเกร็งกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่ขากรรไกรหรือลำคอ
หากมีอาการรุนแรงจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
สาเหตุของโรคบาดทะยัก
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า
“คลอสตริเดียม เตตานิ” มีการแพร่กระจายสปอร์ไปยังพื้นดิน สิ่งสกปรก ฝุ่นละออง
หรืออุจจาระของสัตว์ สามารถมีชีวิตอาศัยอยู่ภายนอกร่างกายได้เป็นเวลานานๆ
และทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี แม้ว่าบริเวณนั้นจะมีอุณหภูมิสูงก็ตาม
เมื่อบาดแผลในร่างกายสัมผัสกับเชื้อบาดทะยัก
สปอร์ของแบคทีเรีย “คลอสตริเดียม เตตานิ”
จะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วแล้วแพร่กระจายทางกระแสเลือดเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง
พร้อมกับสร้างสารพิษ “เตตาโนสปามิน”
ทำให้เส้นประสาทที่ทำหน้าที่ควบคุมกล้ามเนื้อเสียหายจนเกิดอาการปวดและชักเกร็งได้
บาดแผลที่ทำให้เชื้อบาดทะยักแพร่เข้าสู่ร่างกายได้
เช่น แผลถลอก แผลถูกของมีคมบาดหรือถูกทิ่ม แผลไฟไหม้ แผลถูกสัตว์กัด
แผลจากการเจาะหรือสักผิวหนัง แผลติดเชื้อของผู้ป่วยเบาหวาน
แผลผ่าตัดที่ปนเปื้อนเชื้อ และการติดเชื้อทางสายสะดือในทารก เป็นต้น
อาการของโรคบาดทะยัก
เมื่อเชื้อบาดทะยักเข้าสู่ร่างกายแล้ว
ผู้ป่วยจะแสดงอาการตั้งแต่ 3 – 21 วัน หรืออาจจะนานกว่านั้น แต่โดยส่วนใหญ่จะแสดงอาการภายใน 10 – 14 วัน
โดยผู้ป่วยที่แสดงอาการอย่างรวดเร็วมักจะมีการติดเชื้อรุนแรงและรักษาให้หายค่อนข้างยากพอสมควร
อาการที่พบได้บ่อยๆ
จากการติดเชื้อบาดทะยัก เช่น
กล้ามเนื้อขากรรไกรและกล้ามเนื้อลำคอหดเกร็งจนรู้สึกเจ็บปวด หายใจและกลืนลำบาก
มีไข้สูง ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว และเหงื่อออกมาก
อาการเหล่านี้หากไม่ได้รับการรักษาทันทีอาจทรุดหนักจนถึงขั้นหัวใจหยุดเต้นแล้วเสียชีวิตได้
การรักษาโรคบาดทะยัก
หากแพทย์ตรวจและวินิจฉัยโรคแล้วว่ามีการติดเชื้อบาดทะยัก
จะทำการรักษาด้วยการทำความสะอาดบาดแผลและฉีดยา Tetanus
Immunoglobulin ซึ่งเป็นยาที่มีแอนติบอดี้ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
อันเป็นสาเหตุของโรคบาดทะยักและยังสามารถป้องกันโรคบาดทะยักได้ในเวลาสั้นๆ
ถ้าผู้ป่วยไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักมาก่อน
นอกจากนี้แพทย์จะทำการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ
อย่างเช่นนำเนื้อเยื่อของแผลที่ตายแล้วและสิ่งแปลกปลอมออกจากบาดแผล
ให้ยาบรรเทาอาการปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาระงับประสาท
และอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการหายใจลำบาก
ส่วนผู้ป่วยที่รับประทานอาหารไม่ได้นั้น จะต้องใช้หลอดให้อาหารหรือหยดสารอาหารเข้าทางเส้นเลือด
การป้องกันโรคบาดทะยัก
วิธีป้องกันโรคบาดทะยักที่ง่ายและได้ผลมากที่สุดคือ
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก อีกทั้งควรฉีดกระตุ้นซ้ำเมื่อเกิดบาดแผลสกปรก
หากผู้ป่วยไม่มั่นใจว่าตนเองได้รับวัคซีนโรคบาดทะยักครั้งล่าสุดเมื่อไร
นอกจากนี้ทารกควรได้รับวัคซีน DTaP ในการป้องกันทั้งโรคบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน จำนวน 5 ครั้งตามกำหนด
พอเด็กมีอายุ 4 – 6 ปี ควรได้รับวัคซีนอีกครั้ง และฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 10
ปี ส่วนเด็กที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป
และผู้ใหญ่ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักเลย
ควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน ช่วงระยะแรก 3 – 4 ครั้ง โดยขึ้นอยู่กับอายุแล้วค่อยฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 10 ปี
การดูแลตัวเองเมื่อเกิดบาดแผลที่เสี่ยงต่อโรคบาดทะยัก
ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลที่เกิดจากสิ่งใดก็ตาม
ล้วนแต่มีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคบาดทะยักได้ทั้งสิ้น ยกเว้นบาดแผลเล็กๆ
ที่ไม่สกปรก แต่ก็ควรรีบล้างแผลทำความสะอาดด้วยการฟอกสบู่
จากนั้นเช็ดด้วยน้ำเกลือล้างแผลแล้วทายาใส่แผลสด
แต่แผลพุพองที่กำลังแห้งจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
ดังนั้นจึงควรใช้ผ้าก็อซปิดแผลไว้จนกว่าจะเริ่มเป็นสะเก็ด
พร้อมกับเปลี่ยนผ้าก็อซทุกวันหรือเมื่อเปียกน้ำและสกปรก
หากดูแลบาดแผลนั้นแล้วมีอาการรุนแรงหรือไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น
ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยโรคและรักษาทันที
เพราะโรคบาดทะยักเป็นโรคที่ไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง
ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได
ขอขอบคุณข้อมูลจาก honestdocs.co








ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น