บาดทะยัก สาเหตุ อาการ การรักษา การป้องกัน - League88Joz

Gclubth เว็บไซต์พนันออนไลน์การันตี อันดับ 1 ของคนเล่น

gclub , จีคลับ

Breaking

Post Top Ad

Post Top Ad

Responsive image

วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

บาดทะยัก สาเหตุ อาการ การรักษา การป้องกัน


บาดทะยัก สาเหตุ อาการ การรักษา การป้องกัน

League88Joz โรคบาดทะยัก (Tetanus) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียร้ายแรง ซึ่งเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผลและจะมีผลกระทบต่อระบบประสาท มีอาการเกร็งกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่ขากรรไกรหรือลำคอ หากมีอาการรุนแรงจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

สาเหตุของโรคบาดทะยัก

เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า “คลอสตริเดียม เตตานิ” มีการแพร่กระจายสปอร์ไปยังพื้นดิน สิ่งสกปรก ฝุ่นละออง หรืออุจจาระของสัตว์ สามารถมีชีวิตอาศัยอยู่ภายนอกร่างกายได้เป็นเวลานานๆ และทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี แม้ว่าบริเวณนั้นจะมีอุณหภูมิสูงก็ตาม

เมื่อบาดแผลในร่างกายสัมผัสกับเชื้อบาดทะยัก สปอร์ของแบคทีเรีย “คลอสตริเดียม เตตานิ” จะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วแล้วแพร่กระจายทางกระแสเลือดเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง พร้อมกับสร้างสารพิษ “เตตาโนสปามิน” ทำให้เส้นประสาทที่ทำหน้าที่ควบคุมกล้ามเนื้อเสียหายจนเกิดอาการปวดและชักเกร็งได้

บาดแผลที่ทำให้เชื้อบาดทะยักแพร่เข้าสู่ร่างกายได้ เช่น แผลถลอก แผลถูกของมีคมบาดหรือถูกทิ่ม แผลไฟไหม้ แผลถูกสัตว์กัด แผลจากการเจาะหรือสักผิวหนัง แผลติดเชื้อของผู้ป่วยเบาหวาน แผลผ่าตัดที่ปนเปื้อนเชื้อ และการติดเชื้อทางสายสะดือในทารก เป็นต้น

อาการของโรคบาดทะยัก

เมื่อเชื้อบาดทะยักเข้าสู่ร่างกายแล้ว ผู้ป่วยจะแสดงอาการตั้งแต่ 3 – 21 วัน หรืออาจจะนานกว่านั้น แต่โดยส่วนใหญ่จะแสดงอาการภายใน 10 – 14 วัน โดยผู้ป่วยที่แสดงอาการอย่างรวดเร็วมักจะมีการติดเชื้อรุนแรงและรักษาให้หายค่อนข้างยากพอสมควร

อาการที่พบได้บ่อยๆ จากการติดเชื้อบาดทะยัก เช่น กล้ามเนื้อขากรรไกรและกล้ามเนื้อลำคอหดเกร็งจนรู้สึกเจ็บปวด หายใจและกลืนลำบาก มีไข้สูง ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว และเหงื่อออกมาก อาการเหล่านี้หากไม่ได้รับการรักษาทันทีอาจทรุดหนักจนถึงขั้นหัวใจหยุดเต้นแล้วเสียชีวิตได้

การรักษาโรคบาดทะยัก

หากแพทย์ตรวจและวินิจฉัยโรคแล้วว่ามีการติดเชื้อบาดทะยัก จะทำการรักษาด้วยการทำความสะอาดบาดแผลและฉีดยา Tetanus Immunoglobulin ซึ่งเป็นยาที่มีแอนติบอดี้ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อันเป็นสาเหตุของโรคบาดทะยักและยังสามารถป้องกันโรคบาดทะยักได้ในเวลาสั้นๆ ถ้าผู้ป่วยไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักมาก่อน

นอกจากนี้แพทย์จะทำการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ อย่างเช่นนำเนื้อเยื่อของแผลที่ตายแล้วและสิ่งแปลกปลอมออกจากบาดแผล ให้ยาบรรเทาอาการปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาระงับประสาท และอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการหายใจลำบาก ส่วนผู้ป่วยที่รับประทานอาหารไม่ได้นั้น จะต้องใช้หลอดให้อาหารหรือหยดสารอาหารเข้าทางเส้นเลือด

การป้องกันโรคบาดทะยัก

วิธีป้องกันโรคบาดทะยักที่ง่ายและได้ผลมากที่สุดคือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก อีกทั้งควรฉีดกระตุ้นซ้ำเมื่อเกิดบาดแผลสกปรก หากผู้ป่วยไม่มั่นใจว่าตนเองได้รับวัคซีนโรคบาดทะยักครั้งล่าสุดเมื่อไร นอกจากนี้ทารกควรได้รับวัคซีน DTaP ในการป้องกันทั้งโรคบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน จำนวน 5 ครั้งตามกำหนด

พอเด็กมีอายุ 4 – 6 ปี ควรได้รับวัคซีนอีกครั้ง และฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 10 ปี ส่วนเด็กที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักเลย ควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน ช่วงระยะแรก 3 – 4 ครั้ง โดยขึ้นอยู่กับอายุแล้วค่อยฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 10 ปี

การดูแลตัวเองเมื่อเกิดบาดแผลที่เสี่ยงต่อโรคบาดทะยัก

ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลที่เกิดจากสิ่งใดก็ตาม ล้วนแต่มีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคบาดทะยักได้ทั้งสิ้น ยกเว้นบาดแผลเล็กๆ ที่ไม่สกปรก แต่ก็ควรรีบล้างแผลทำความสะอาดด้วยการฟอกสบู่ จากนั้นเช็ดด้วยน้ำเกลือล้างแผลแล้วทายาใส่แผลสด แต่แผลพุพองที่กำลังแห้งจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ ดังนั้นจึงควรใช้ผ้าก็อซปิดแผลไว้จนกว่าจะเริ่มเป็นสะเก็ด พร้อมกับเปลี่ยนผ้าก็อซทุกวันหรือเมื่อเปียกน้ำและสกปรก

หากดูแลบาดแผลนั้นแล้วมีอาการรุนแรงหรือไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยโรคและรักษาทันที เพราะโรคบาดทะยักเป็นโรคที่ไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได 





ขอขอบคุณข้อมูลจาก           honestdocs.co


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Top Ad

โปรโมชั่น gclub