ระหว่างการกินคลีน Clean Vs การกินลีน Lean
League88Joz วันนี้เรามาพบกับการกินคลีนกับการกินลีน กันดีกว่า
กินคลีน ( Eat Clean )
จำง่ายๆ การกินคลีน คือ ลด งด เปลี่ยน
เลี่ยง ซึ่งหลักการ 4 อย่างที่ว่ามีอะไรบ้างไปดูกัน
1) เน้นผัก ผลไม้สดแบบ ออร์แกนิค :
เน้นการทานอาหารที่หลากหลายเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบ โดยเลือกผักสด
ผลไม้สดที่ปลอดสารพิษ
2) ลดเกลือ น้ำตาล : “ลด”ไม่ใช่งดนะ สามารถกินหวาน กินเค็มได้เล็กน้อย ปรุงให้น้อยลงเพื่อลดอาการตัวบวมจากโซเดียมนั้นเอง
3.) งด ขนมหรืออาหารสำเร็จรูป :
ถือเป็นเรื่องยากๆ ของคนที่ติดขนมกรุบกรอบ แบบชีวิตนี้ขาดไม่ได้! แต่ถ้ามาสายคลีน
คงต้องบอกลา และงดอาหารแปรรูปทั้งหมด เพราะมีคาร์โบไฮเดรต และโซเดียมมหาศาลเลยล่ะ
4) เปลี่ยนมาเลือกคาร์โบไฮเดรต โปรตีนไขมันต่ำ
: เปลี่ยนมากินคาร์โบไฮเดรตจากข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท แทนข้าวขาว
หรือเบเกอรี่ต่างๆ เปลี่ยนมากินโปรตีนไขมันต่ำ เช่น ไข่ หรือปลา
5) เลี่ยงของมัน ของหวาน
และแอลกอฮอล์ : เปลี่ยนผลไม้หวานฉ่ำน้ำตาลสูงมาเป็นผลไม้เนื้อกรอบ
ไฟเบอร์สูงจะดีกว่า
กินลีน ( Eat Lean )
การกินลีน คือ กินเยอะ
แต่หุ่นยังเฟิร์ม! อย่าเพิ่งตกใจ.. เพราะการกินเยอะแบบลีน หมายถึง เน้นทานโปรตีน
แต่ลดแป้ง ลดน้ำตาล และทานอาหารที่มีไขมัน หรือไม่ทานเลย
เพื่อลีนไขมันออกจากร่างกายให้มากที่สุด จึงเหมาะกับคนที่ออกกำลังกาย
เพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้เฟิร์ม! หลักการกินจะคล้ายๆ กับการกินคลีน
มีอะไรบ้างมาดูกันเลย!
1) เน้นโปรตีน อาหารไฟเบอร์สูง :
เลือกโปรตีนที่มีไขมันน้อย และผักผลไม้น้ำตาลน้อย เช่น ผักโขม ส้ม ฝรั่ง
แคนตาลูป รับรองไม่อ้วน!
2) ลดคาร์โบไฮเดรต :
ทานได้เป็นบางมื้อเพื่อไม่ให้ขาดสารอาหาร โดยเลือกข้าวกล้อง หรือขนมปังโฮลวีท
3) เลี่ยงเครื่องปรุงรส :
อร่อยแบบธรรมชาติ ไม่ต้องปรุงแต่ง! เน้นรสธรรมชาติของอาหาร
เพื่อลดสารพิษและสารเคมีที่จะสะสมในร่างกาย วิธีนี้ช่วยลดโซเดียมไปในตัว
4) งดของมัน ของหวาน
ผลไม้น้ำตาลสูง และแอลกอฮอล์ : สายลีนต้องงดของมัน ของทอด ของหวาน อาหารสำเร็จรูป
อาหารแปรรูป หรืออาหารที่มีไขมันและโซเดียม รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย
ถ้าจะงดขนาดนี้จะเอาส่วนไหนมาอ้วน!!
.
สรุปข้อแตกต่างง่ายๆ การกินลีน
เหมาะสำหรับผู้ที่อยากมีหุ่นเพรียวสวย สัดส่วนเป๊ะ
ซึ่งการกินลีนจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้มากกว่าการกินคลีนนั่นเอง
ใครที่อยากหุ่นเป๊ะปังตามสไตล์ Healthy is a
Trend ก็ไม่ควรหักดิบทันที ค่อยๆ
ปรับลดอย่างสมดุลตามการใช้ชีวิตของตัวเอง เพื่อไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก healthyisatrend.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น