เคล็ดลับ..UPสุขภาพ ตำรา "โสม-รังนก"แบบจีน
League88Joz อีกไม่กี่ปี
หลายประเทศรวมทั้งไทยจะเข้าสู่ความเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ หรือที่เรียกว่า Aged Society ซึ่งหมายถึงสังคมที่มีประชากรอายุ
60 ปีขึ้นไปที่อยู่จริงในพื้นที่ต่อประชากรทุกช่วงอายุในพื้นที่เดียวกัน
ในอัตรา 20% ขึ้นไปหรือมากกว่า หรือมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปที่อยู่จริงในพื้นที่ต่อประชากรทุกช่วงอายุในพื้นที่เดียวกัน
ในอัตราเท่ากับหรือมากกว่า 14% ขึ้นไป
สำหรับประเทศไทยคาดการณ์ว่า ในปีพ.ศ.2573 จะมีผู้สูงอายุราว 17.6 ล้านคน
คิดเป็น 26.3% ของประชากรทั้งประเทศ และจากข้อมูลของ United
Nations World Population Ageing พบว่า หลังจากปี 2552 ประชากรที่อยู่ในวัยพึ่งพิง ได้แก่
เด็กและผู้สูงอายุมีจำนวนมากกว่าประชากรในวัยแรงงาน
สำคัญ คือ ในปี 2560 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จำนวนประชากรเด็กมีจำนวนน้อยกว่าผู้สูงอายุ
นั่นหมายความว่า อีกไม่นานประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ
หากไม่มีการเตรียมรับมือจะทำให้เกิดปัญหาสังคมผู้สูงวัยตามมา
โดยเฉพาะปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งเสื่อมถอย พร้อมกับอายุที่มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากคนในวัย 60 ใส่ใจเรื่องการดูแลสุขภาพให้สมดุลทั้งสมอง ร่างกาย
และจิตใจ นอกจากจะช่วยให้รูปร่างหน้าตาดูดี ดูอ่อนกว่าวัย ดูหนุ่มสาวกว่าอายุแล้ว
ยังช่วยให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงฟิตปั๋ง
และสามารถทำกิจกรรมต่างๆได้ไม่ต่างจากคนในวัยหนุ่มสาว
ซึ่งทุกวันนี้ เราจะเห็นผู้สูงอายุ ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ เต้นรำ เข้าฟิตเนส
เต้นแอโรบิก ดำน้ำ ปีนเขา เล่นสเกตบอร์ด รวมถึงสามารถมีความคิดที่ฉับไว
เรียนรู้และใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนได้ดีอีกด้วย
ปัจจัยที่ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงทั้งภายนอกและภายใน
ที่สำคัญที่สุด คือ การออกกำลังกาย
ซึ่งนอกจากจะเป็นการเสริมสร้างสุขภาพทำให้ระบบต่างๆ โดยเฉพาะระบบไหลเวียนโลหิต
มีความสมดุลแล้ว ยังเป็นการฝึกการหายใจให้ปอดแข็งแรง ช่วยให้อายุยืนขึ้นอีกด้วย
อีกอย่างหนึ่งที่เป็นกระแสของการดูแลสุขภาพในวัยสูงอายุ
เพื่อช่วยให้ดูดีจากภายใน คือ การเลือกกิน อยู่อย่างเป็นธรรมชาติ
มีอาหารบำรุงบ้างเป็นตัวเสริม เช่น ชาวจีนหรือชาวญี่ปุ่นที่อายุยืนและสุขภาพดี
ตั้งแต่ในยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน นิยมกินอาหารที่เป็นพืชหรือสมุนไพรธรรมชาติ
โดยเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ
สำหรับคนไทยและคนเอเชียมีสมุนไพรและอาหารจากธรรมชาติหลายอย่างที่มีความเชื่อในเรื่องการบำรุงปอดและเป็นยาอายุวัฒนะเช่น บอระเพ็ด น้ำผึ้ง เหงือกปลาหมอ เป็นต้น
แต่ถ้าเป็นสมุนไพรที่ทำให้เกิดความอ่อนเยาว์
บำรุงกำลังให้แข็งแรงแล้วตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน โสมและรังนก โดยเฉพาะ
รังนกแอ่นกินรัง ดูจะเป็นพระเอกสำคัญที่ช่วยให้ทั้งคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย
สดใสปิ๊งปั๊งได้มากกว่าอย่างอื่น
โสม และ รังนก ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารฟังก์ชันที่ได้รับความนิยมนำมารับประทานเพื่อบำรุงสุขภาพเป็นเวลายาวนานนับพันปี
เริ่มจากในราชสำนักจีน และแพร่หลายมาถึงชนชั้นสูง จนถึงคนทั่วไป
แพทย์แผนจีนใช้รังนกเป็นอาหารฟื้นฟูสุขภาพจากการเจ็บป่วย เพราะรังนกช่วยบำรุงปอด
ทำให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ และส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
จึงมักมีการใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยามากมาย
มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า รังนกมีโปรตีนแบบพิเศษที่มีโครงสร้างเหมือนกับ Epidermal
Growth Factor (EGF) ที่มีอยู่ในคน ซึ่งตามธรรมชาติแล้ว EGF จะมีประโยชน์ในการช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิว
นอกจากนี้ยังพบว่าในรังนกยังมีประโยชน์ช่วยบำรุงปอด
ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ในการช่วยป้องกันเชื้อไข้หวัด ใหญ่
โดยไกลโคโปรตีนในรังนกจะทำหน้าที่จับกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่
จึงช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไข้หวัดใหญ่เข้าจับกับเซลล์ในร่างกายได้
ทำให้ร่างกายแข็งแรง
ส่วน โสม ถือเป็นราชาแห่งสมุนไพรที่มีความเชื่อและการวิจัยถึงสรรพคุณอย่างแพร่หลาย
โดยโสมมีส่วนช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้ดี
มีคุณสมบัติในการบำรุงอวัยวะภายใน บำรุงสมอง แพทย์แผนตะวันออกนำไปใช้บรรเทาอาการต่างๆที่สืบเนื่องมาจากการขาดพลังชี่
เช่น ภาวะหลงลืม ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่เจริญอาหาร ชีพจร
และด้วยคุณสมบัตินี้เองที่ทำให้โสมได้รับความนิยม
นำมาใช้บำรุงกำลังให้มีแรงและทำให้ร่างกาย แข็งแรง
กระฉับกระเฉงกันอย่างกว้างขวาง
การนำเอาราชาแห่งสมุนไพรอย่างโสมเข้ามาผสานรวมกับรังนกจึงนับ ว่าเป็นเมนู
เสริมสุขภาพเพื่อใช้ในการดูแลร่างกายให้แข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ในคราวเดียวกัน
ถือเป็นสูตรที่ดีใน การดูแลตัวเองเพื่อให้ยังคงความแข็งแรง มีกำลัง
และดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ โดยเฉพาะผู้ที่ อายุ 40 ปีขึ้นไป ที่ร่างกายเริ่มส่งสัญญาณแห่งวัย ทั้งเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
เริ่มมีริ้วรอยต่างๆ อาหารกลุ่มสมุนไพรจึงอาจเป็นคำตอบในการดูแลตัวเอง
ซึ่งถ้าอยากให้เมื่อถึงวัย 60 แล้วยังแจ่มแจ๋ว เป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ
ไม่เป็นภาระแก่ลูกหลาน ควรเริ่มดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้
ด้วยการดูแลร่างกายทั้งภายนอกและภายใน รับประทานอาหารให้ครบทุก หมวดหมู่
พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้แจ่มใส ออกกำลังกายให้เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่ทำร้ายร่างกาย
แค่นี้
คุณก็จะเป็นหนุ่มสาวสองพันปีได้ไม่ยาก.....!!
ขอขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น