5 ทำ 5 ไม่ ห่างไกลมะเร็งทุกชนิด
League88Joz ขึ้นชื่อว่าโรคมะเร็งใครๆ ก็กลัว และไม่อยากให้เป็นกับร่างกายตัวเอง ต่อไปนี้คือ คาถา 5 ไม่ 5 ทำ ท่องไว้ห่างไกลมะเร็ง
นพ.อนันต์ กรลักษณ์ รองผู้อำนวยการ
กลุ่มงานวิชาการ และหัวหน้ากลุ่มงานพยาธิวิทยา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ แนะว่า
วิธีทำให้ตัวเองห่างไกลจากโรคมะเร็งทำไม่ยาก เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้ด้วยการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ในการกินและการออกกำลังกายเสียใหม่ให้ร่างกายมีความสมดุลในแต่ละวัน
“โรคมะเร็งส่วนใหญ่ทุกวันนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง
แต่มีมะเร็งบางตำแหน่งสามารถทราบสาเหตุนำ หรือสาเหตุร่วมที่เราอาจหลีกเลี่ยงได้
ดังนั้นทุกคนควรสำรวจร่างกายของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งพบแพทย์ตรวจร่างกายปีละ
1 ครั้งคัดกรองความเสี่ยงแต่เนิ่นๆ
”หัวหน้ากลุ่มงานพยาธิวิทยา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าว
สัญญาณอันตราย 7 ประการที่ควรไปพบแพทย์หากเกิดขึ้นกับตัวเราได้แก่
การมีเลือดหรือสิ่งผิดปกติออกจากร่างกาย เช่น มีตกขาวมากเกินไป การมีตุ่ม ก้อน
เกิดขึ้นบนร่างกายและก้อนนั้นโตเร็วผิดปกติ การมีแผลเรื้อรัง
การถ่ายที่เปลี่ยนไปจากเดิม การที่มีเสียงแหบหรือไอเรื้อรัง การกลืนอาหารได้ลำบาก
เบื่ออาหาร น้ำหนักลด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของหูดไฝปาน
ไม่ว่าจะเป็นขนาดที่เปลี่ยนหรือสีที่เปลี่ยนก็ตาม
วิธีหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งใครก็สามารถทำได้เองได้ที่บ้านมีอยู่
5 ทำหลัก ได้แก่ ทำแรกเป็นการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้งๆ ละ 30 นาที เพราะมีรายงานการวิจัยพบว่า
การออกกำลังกายช่วยลดอุบัติการณ์ของการเกิดโรคมะเร็ง และโรคหัวใจได้ทางหนึ่ง
โดยมีผลไปลดความอ้วนและความเครียดในร่างกายที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็ง
ทำที่สอง เป็นการทำจิตใจให้แจ่มใส ด้วยการหากิจกรรมสันทนาการทุกรูปแบบเป็นแนวทางปฏิบัติไม่ให้เกิดความเครียด
วิตกกังวล ไม่ว่าจะทำบุญตามวิถีของศาสนา ทัศนศึกษา ออกกำลังกายในสวนสาธารณะ
หรือการใช้เวลาทำกิจกรรมกับคนในครอบครัว
ทำสาม
กินผักผลไม้ให้ได้ครึ่งหนึ่งของปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ หรือประมาณ 500 กรัม ต่อวัน
เพราะในผักผลไม้มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี
สารเบต้าแคโรทีน สารไลโคปีน สารไอโซฟลาโวนอยด์ รวมถึงเส้นใยอาหารที่ทำหน้าที่คล้ายกับแปรงไปกระตุ้นผนังลำไส้ใหญ่ให้สร้างเมือกมากขึ้น
และทำให้เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับเยื่อบุผิวลำไส้ใหญ่และลดความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งลำไส้
ผักผลไม้มีรายงานวิจัยพบสารต้านมะเร็งและกระบวนการต้านมะเร็งได้ถึงระดับโมเลกุลหลายชนิด
ตัวอย่างเช่น ขิง ชาเขียว องุ่นแดง น้ำผึ้ง กระเทียม มะเขือเทศ แครอท กะหล่ำปลี
บล็อกโคลี เป็นต้น
แพทย์จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ
กล่าวว่า ทำต่อมาจะสอดคล้องกับทำที่สาม
เพราะเป็นการกินอาหารที่หลากหลายคือครบ 5 หมู่ ไม่ซ้ำซากจำเจ และใหม่สด สะอาดปราศจากเชื้อรา เพราะผู้ที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งมากกว่า
1 ใน 3 มีความสัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงทางด้านอาหารโดยเฉพาะการบริโภคอาหารที่มีพลังงานและไขมันสูง
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับการลดความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็ง
ได้แก่ อาหารปิ้งย่างหรือทอดแบบไหม้เกรียมหรือใช้น้ำมันเก่า ไม่กินอาหารจำพวกหมักดองเค็ม
และเนื้อสัตว์เค็มตากแห้งที่ใส่ดินประสิว โปแตสเซียมไนเตรท และสารไนไตรท์
เพราะสารเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็นสารไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งภายหลังได้
นอกจากนี้ ถั่วลิสงคั่ว
หรือพริกแห้งที่ถกเถียงว่าเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับการเกิดโรคมะเร็งก็เข้าข่าย
หากหลีกเลี่ยงได้จะเป็นดีเพราะอาจมีการปนเปื้อนของสารอัลฟลาท็อกซินหรือเชื้อรา
ที่เป็นสาเหตุมะเร็งตับ
สิ่งที่ต้องทำในประการที่ห้า
คือการหมั่นตรวจหาความผิดปกติของร่างกาย ตามสัญญาณอันตราย 7 ประการข้างต้น
เพราะการป้องกันที่กล่าวมาไม่สามารถหวังผลได้ 100% โดยเฉพาะคนที่มีอายุ
35 ปีขึ้นไป
ควรเข้ารับการตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปีเพื่อลดความเสี่ยงและสามารถรักษาได้ทันหากพบโรคร้ายแต่เนิ่นๆ
เนื่องจากมะเร็งในระยะแรกสามารถรักษาให้หายได้
นพ.อนันต์ บอกว่า ถัดจาก 5 ทำสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ 5 ไม่
ได้แก่ การไม่สูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่ เพราะเป็นสาเหตุการเกิดมะเร็งหลายชนิดด้วยกันไม่ว่าจะเป็น มะเร็งปอด
มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งไต หรือมะเร็งปากมดลูก โรคหัวใจ ถุงลมโป่งพองอีกด้วย
ไม่ที่สองเป็นการไม่มั่วเซ็กซ์
คือไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร (ก่อนวัย 20 ปี) หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้ใช้ถุงยางอนามัย
เพราะในสตรีที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยและมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายหลายคน
มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสเอชพีวี ที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งปากมดลูก
การกระทำที่ไม่ควรต่อมาเป็น ไม่ดื่มสุราเพราะเสี่ยงต่อโรคมะเร็งตับ
มะเร็งเต้านม และมะเร็งหลอดอาหาร หรือถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้
แพทย์สถาบันมะเร็งแห่งชาติ บอกว่า ในผู้ชาย ไม่ควรดื่มเกิน 2 แก้วต่อวัน สำหรับผู้หญิงไม่ควรดื่มเกิน 1 แก้วต่อวัน
“ผู้ที่ดื่มสุรามากกว่า 60 กรัม หรือ 3 แก้วต่อวัน
จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเป็น 9 เท่า
ของผู้ที่ไม่ดื่ม และยิ่งสูบบุหรี่มากกว่า 20 มวนต่อวันด้วยแล้ว
จะเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง 50 เท่าทีเดียว”แพทย์จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ
กล่าว
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงประการต่อมาเป็น แสงแดดจ้าเวลากลางวัน เพราะอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
ทางที่ดีควรใช้ครีมกันแดดที่มีเอสพีเอฟตั้งแต่ 15 ขึ้นไป
และใช้อุปกรณ์ป้องกันแสงแดดเมื่อยามที่ต้องออกแดดทั้งเสื้อแขนยาว ร่ม
หมวกให้ติดเป็นนิสัย
ประการสำคัญที่จะลดโอกาสเสี่ยงอีกประการคือ
การไม่กินปลาน้ำจืดที่มีเกล็ดตระกูลปลาตะเพียนดิบๆ และตรวจหาไข่พยาธิในอุจจาระทุกปี
เพราะการกินปลาน้ำจืดที่มีตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิใบไม้ตับอยู่ในเนื้อปลาที่มีเกล็ด
ทั้งรูปแบบก้อย ลาบ
พยาธิตัวอ่อนจะเข้าไปเจริญเติบโตเป็นพยาธิตัวแก่ในท่อน้ำดีตับ
ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผนังท่อน้ำดี จนเกิดการอุดตัน หรืออักเสบเรื้อรัง
จนเนื้อตับตายและเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในตับได้
ซึ่งโรคนี้พบมากในภาคอีสานของไทยในปัจจุบัน
หัวหน้ากลุ่มงานพยาธิวิทยา
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า 5 ทำ 5 ไม่
เป็นวิธีลดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งทางเลือกหนึ่ง
โดยสิ่งสำคัญของตัวผู้ปฏิบัติเองจะต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงการกินอะไรที่ซ้ำซากจำเจเพราะในอาหารซ้ำซากอาจเพิ่มโอกาสเสี่ยงสูงได้นั่นเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก nationejobs.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น